ถ้าพูดถึง " ลพบุรี " หลายคนคงจะคิดถึงลิงจ๋อหน้าตาทะโมนซุกซนซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ไปแล้ว แต่สำหรับคนที่เรียนจบด้านประวัติศาสตร์ศิลปะอย่างมิ้ว มิ้วจะนึกถึงเมืองโบราณอย่าง " ละโว้ " หรือ " ลวปุระ " เสียมากกว่าค่ะ เพราะที่นี่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานหลายยุคหลายสมัย โบราณสถานทั้งที่เป็นพระราชวัง วัดวาอาราม เทวสถานร้างตามบริเวณต่างๆ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี ผ่านหลักฐานทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ แต่...บทความนี้ มิ้วไม่ได้มาพูดเรื่องเครียดๆ อะไรนะคะ อย่าเข้าใจผิด เพราะครั้งนี้มิ้วจะพามาชมงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีของจังหวัดลพบุรี อย่าง " งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช " ซึ่งมิ้วได้ไปเที่ยวชมมา จะเป็นยังไงบ้างนั้น ไปชมกันได้เลยค่ะ
งานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งเป็นพระราชวังในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของจังหวัดลพบุรีในปัจจุบัน งานในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการระลึกถึงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งทรงนำพาความเจริญรุ่งเรืองมาสู่เมืองลพบุรี จนแทบจะเรียกได้ว่าลพบุรีนั้น เป็นราชธานีแห่งที่สองของกรุงศรีอยุธยาก็ว่าได้ ( จริงๆ สมัยก่อนหน้านั้นลพบุรีก็มีความสำคัญอยู่ก่อนแล้วอ่าแหละ ) มีการรณรงค์ให้ผู้ที่มาเข้าชมงานใส่ชุดไทยเข้างานด้วย สีสันมันอยู่ตรงนี้แหละค่าาา คุณผู้โชมมมมมม สำหรับปีนี้เค้าจัดตั้งแต่วันที่ 13-21 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้นนะคะ
ถึงมิ้วจะไปลพบุรี และเข้าออกในพระนารายณ์ราชนิเวศน์มาหลายครั้ง ตั้งแต่ตอนออกค่าย และออกฟิลด์ในสมัยที่ยังเป็นนักศึกษา แต่ก็ไม่เคยได้มาในช่วงเทศกาลแบบนี้ นี่จึงเป็นการเข้ามาเยี่ยมชมงานในครั้งแรก ยอมรับเลยว่าตั้งใจมางานนี้โดยเฉพาะ เตรียมชุดไทยตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯกันเลยทีเดียว
มิ้วเข้าชมงานในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันแรกที่จัดงานเลยค่ะ ช่วงบ่ายมีการเดินขบวนชุดไทยกัน แต่มิ้วมาไม่ทันขบวน 55555 มาถึงอีกทีก็เห็นคนใส่ชุดไทยเดินกันทั่วเมืองแล้ว
ขบวนของทหาร |
ถ่ายรูปกับพี่ทหารแกสักหน่อย ยืนนิ่งมาก พูดด้วยก็ไม่พูดด้วยฮะ 55555 จัดเต็มกันขนาดไหน ดูกันเอาเอง อิฉันยอมแพ้เลยเจ้าค่ะ 5555 |
นอกจากบรรดาผู้เข้าชมงานที่แต่งชุดไทยอยู่คลาคล่ำแล้ว ยังมีส่วนของการจัดแสดงงานแสง สี เสียง ตระการตา โดยมีการจัดเวที และมีการใช้พื้นที่ของโบราณสถานบางส่วนเป็นฉากในการแสดง อย่างรูปด้านล่างนี้ ก็เป็นรูปจำลองของหนุมาน ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นเมืองวานรของลพบุรีนั่นเอง
ภายในงานจะมีของขายเยอะมาก ส่วนมากจะเป็นผ้าไหม ผ้าซิ่นต่างๆ เห็นมีอยู่หลายร้านเลย และที่สำคัญในส่วนที่เป็นมุมของกิน ต้องมีการนำเงินในปัจจุบันมาแลกกับอัฐหรือพดด้วง เพื่อให้เข้ากันกับสมัยกรุงศรีอยุธยากันเลยทีเดียว
พดด้วงที่ต้องนำเงินมาแลกเพื่อซื้อสินค้าภายในงาน ( ในส่วนที่เป็นของกิน )
แต่ด้วยความที่ในงานคนเยอะมาก เกรงว่าจะหาที่นั่งลำบาก มิ้วเลยเดินออกมาทานข้าวเย็นแถวทางรถไฟแทนค่ะ แถวนี้ของอร่อยเหมือนกัน แถมราคาถูกมากด้วย ( จำได้ว่าประมาณ 4 ปีที่แล้วที่มาออกฟิลด์ 5 วันที่ลพบุรี ไม่มีวันไหนที่ไม่ได้กินของอร่อยเลยค่ะ โดยเฉพาะมื้อเย็นที่มากินแถวทางรถไฟแทบทุกวัน )
นั่งทานผัดไทยไปทั้งชุดไทยแบบนี้แหละ เก๋ดี :) |
พอทานเสร็จก็เริ่มจะดึกแล้ว มิ้วเลยเดินเข้าไปในงานต่อค่ะ ซอยทางเข้าที่เดินเข้ามานั้นเบียดเสียดมาก มีของซื้อของขายตลอด 2 ข้างทางเลยค่ะ รูปด้านล่างนี้จะเห็นประตูทางเข้าพระนารายณ์ราชนิเวศน์อยู่ลิบๆ ค่ะ
เมื่อมาถึงบริเวณทางเข้า หน้าประตูและบริเวณโดยรอบมีการจัดไฟอย่างสวยงามค่ะ สมกับเป็นงานใหญ่ของที่นี่จริงๆ
เมื่อเข้ามาในงานแล้ว มิ้วก็เข้ามานั่งดูการแสดงที่กล่าวถึงประวัติศาสตร์ศาสตร์ในช่วงรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ฯค่ะ โซนแรกมีการจัดอยู่หน้าหมู่ตึกสิบสองท้องพระคลังและตึกเลี้ยงต้อนรับราชทูต
ฉากนี้เป็นฉากจำลองเหตุการณ์ในช่วงที่สมเด็จพระนารายณ์ทรงมาประทับที่ลพบุรีในทุกๆ ปี เป็นเวลา 8-9 เดือน มีผู้ที่แสดงเป็นสมเด็จพระนารายณ์ฯ และบุคคลอื่นๆ ในประวัติศาสตร์ ทั้งเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ท้าวทองกีบม้า พระเพทราชา หลวงสรศักดิ์ กรมหลวงโยธาทิพ และกรมหลวงโยธาเทพ เป็นต้น
ฉากนี้เป็นการจำลองเรือสินค้าจากต่างชาติที่เข้ามาทำการติดต่อค้าขายกับทางกรุงศรีอยุธยา โดยมีบุคคลสำคัญในเหตุการณ์ตอนนี้คือ " เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ " ชายชาวกรีกผู้มารับราชการเป็นสมุหนายกในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ
และนี่คือฉากพระราชวังแวร์ซายน์ของฝรั่งเศส จำลองภาพเหตุการณ์ที่เจ้าพระยาโกษาธิบดี ( ปาน ) เป็นเอกอัครข้าราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งช่วงนั้นตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ค่ะ
และนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คุณแฟนของมิ้วเก็บภาพมาได้ค่ะ ที่จริงภายในงานยังมีส่วนที่น่าสนใจอีกมาก สาวๆ คนไหนชอบหรืออยากแต่งชุดไทย แนะนำให้ไปงานนี้เลยค่ะ หลุดมาทุกยุคทุกสมัยจริงๆ ในปีนี้งานจะจัดตั้งแต่วันที่ 13-21 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้นนะคะ ใครสนใจอยากจะไปก็นั่งรถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมาได้ ท่ารถจะอยู่ฝั่งตรงข้ามพระปรางค์สามยอด เลียบทางรถไฟค่ะ หรือถ้าใครชิลล์ๆ ไม่แคร์เรื่องระยะเวลาการเดินทางมากนัก แนะนำให้มาโดยรถไฟเลยค่ะ จากหัวลำโพงมาเรื่อยๆ อาจจะนาน แต่จะได้เก็บบรรยากาศระหว่างที่นั่งรถไฟแน่นอน
สุดท้ายนี้หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่านนะคะ หากมีอะไรขาดตกบกพร่องตรงก็ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ค่ะ มีข้อสงสัยตรงไหนก็คอมเมนต์มาคุยกันได้นะคะ บ๊ายบาย :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น