วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2559

How to แต่งหน้าฉบับเร่งด่วน ไปเดทแบบได้ใจแฟน by Etude Real Powder Cushion SPF50+ PA++++




เคยไหมคะเวลาที่จะออกบ้านแต่ละที ต้องใช้เวลานานมาก ไหนจะเลือกเสื้อผ้าสักชุดให้ใส่แล้วดูมั่นใจ ทรงผมที่ทำแล้วสวยเข้ากับรูปหน้า หรือแม้กระทั่งการบรรจงแต่งหน้าให้คนภายนอกเห็นแล้วไม่ตกใจกลัว! วุ่นวายไปอี๊ก!

แต่เมื่อไม่นานมานี้มิ้วได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 12 คนของ Etude Pinknista แล้วก็ได้มาพบกับ Real Powder Cushion คุชชั่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์เครื่องสำอางสุดน่ารักอย่าง Etude House ทำให้มิ้วเริ่มคิดที่จะลองครีเอทการแต่งหน้าแบบเร่งด่วนขึ้นมาค่ะ จริง ๆ มีสาว ๆ หลายคนที่แต่งหน้าออกมาพลาดบ้าง เลอะบ้าง เพราะว่ารีบเกินไป กลัวไม่ทันเวลานัดสำคัญ โดยเฉพาะการนัดออกเดทที่เราต้องดูสวยเป๊ะประทับใจแฟนหรือคู่เดทของเรา รีบแต่งเกินไปก็กลัวว่างานจะออกมาดูเสียมากกว่าสวย  วันนี้เลยจะมาทำ How to แต่งหน้าฉบับเร่งด่วน ไปเดทแบบได้ใจแฟน พร้อมรีวิวคุชชั่นตัวใหม่ล่าสุดนี้ให้ดูกันค่ะ พร้อมแล้วก็มาชมไปพร้อม ๆ กันเลยค่าา
*ก่อนอื่น ขอบอกคุณสมบัติของเจ้า Real Powder Cushion ให้ทราบกันก่อนนะคะ*
 
Real Powder Cushion เป็นคุชชั่นที่รวมคุณสมบัติของความเป็น Makeup Base ได้แบบ 5 in 1 คือมีทั้ง Primer + BB Cream + Concealer + Powder Pact และ Oil Control Powder รวมกันอยู่ในตลับเดียว  สามารถทาลงบนผิวได้เลยโดยที่เนื้อครีมจะเปลี่ยนเป็นแป้งทันที ปกปิดได้อย่างเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ให้ความแมตต์และควบคุมความมันได้อย่างยาวนานถึง 10 ชั่วโมง รวมถึงยังสามารถกันแดดได้ถึง SPF50+ PA++++ ด้วย (คุณสมบัติครบครันไปอีก!)

เจ้าคุชชั่นตัวนี้มีอยู่ 3 สี 3 เบอร์ค่ะ ได้แก่
#1 Light Beige
#2 Natural Beige
#3 Honey Beige (เพิ่งเข้าไทยมาสด ๆ ร้อน ๆ เลย)

คุชชั่นที่มิ้วได้มาคือเบอร์ 1 กับ 2 ค่ะ อยากรู้ว่าคุชชั่นตัวนี้มีคุณสมบัติครบตามที่บอกไว้จริงหรือไม่ มิ้วจะเทียบรูป Before & After จากในวิดีโอให้ดูกันค่ะ แล้วจะรู้ว่าหน้าจริงของมิ้วตอนนั้นเป็นสิวหนักมาก T_T




ดูความแตกต่างกันไปแล้ว คราวนี้จะพาไปชม How to แต่งหน้าแบบเร่งด่วนกัน โดยการใช้คุชชั่นตัวนี้ตัวเดียวนี่แหละ ครอบคลุม Makeup Base บนหน้าของมิ้วทั้งหมด (มิ้วใช้สี Natural Beige นะคะ)

1. ก่อนจะทาคุชชั่นลงบนใบหน้า ให้ตบเนื้อคุชชั่นลงบนฝาพับสักนิดเพื่อไม่ให้มันหนาเกินไป

2. ทาคุชชั่นโดยใช้วิธีการค่อย ๆ ตบลงไปทีละส่วนบนใบหน้า ตรงที่มีสิวหรือจุดด่างดำนั้น ค่อย ๆ ตบแบบเน้นลงไปเพื่อทำการปกปิดค่ะ

3. ปกปิดรอยคล้ำใต้ตาด้วยคอนซีลเลอร์ที่สีสว่างกว่าผิวหน้าสัก 1 เฉด แต่เนื่องจากเจ้าคุชชั่นตัวนี้มีคุณสมบัติที่ช่วยปกปิดอยู่แล้ว มิ้วเลยจะใช้คุชชั่นสี Light Beige ปกปิดรอยคล้ำใต้ตาแทนค่ะ

ความดีงามของคุชชั่นตัวนี้ คือเมื่อทาลงไปแล้ว เนื้อครีมมันกลายเป็นแป้งจริง ๆ แถมได้ลุคแมตต์ แต่ดูไม่หนาโบ๊ะด้วย  ได้งานผิวที่ดูเนียนสวยเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องลงแป้งฝุ่นตามเลย ถือว่าดีงามสุดๆ !

Eyes Makeup
ทีนี้เราไปแต่งตากันต่อเลยค่ะ เพื่อให้ทุกอย่างติดทนขึ้น มิ้วจะทา Eyeshadow Base ลงไปก่อนเป็นอันดับแรกค่ะ ส่วนอายแชโดว์ที่จะใช้ในครั้งก็เป็นของ Etude เหมือนกันค่ะ เป็นพาเลท 4 สีชื่อว่า Blend 4 Eyes #05 Tone & Pink  ค่ะ


ไปเริ่มแต่งตากันเลย!

1. ลงสีโอลด์โรสจากพาเลท Blend 4 Eyes ให้ทั่วเปลือกตา



2. ลงอายแชโดว์สีส้มจากเปลือกตาด้านบนไล่ขึ้นมาจนถึงชั้นพับเปลือกตา มิ้วใช้ Etude Look at My Eyes #OR205 ค่ะ ซึ่งสีชัดมาก พยายามใช้แต่น้อยนะคะ และอย่าลืมลากเชื่อมลงไปที่ใต้ตาด้วย แต่ลากลงมาถึงแค่ครึ่งตาก็พอ




3. ใช้ดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลเขียนให้ชิดโคนขนตาบนให้มากที่สุด  แต่เขียนจากด้านนอกเข้ามาแค่ครึ่งตาก็พอนะคะ มิ้วใช้ Etude Play 101 Pencil #50 ค่ะ เป็นไอเทมที่ใช้ได้ทั้งตา แก้ม และปากเลย

4. ใช้สีน้ำตาลจาก Blend 4 Eyes #05 Tone & Pink เกลี่ยตรงที่เราใช้ดินสอเขียนขอบตาเมื่อกี้ให้มันฟุ้ง ๆ ขึ้นไป




5. ใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลสีเดิมลากเชื่อมใต้ตามาด้วย ขอแนะนำให้ใช้แปรงแบนและเล็กสักหน่อยนะคะ เพื่อไม่ให้มันกลบสีส้มที่เราตาใต้ตาไว้ตอนแรก


6. กรีดอายไลเนอร์บาง ๆ ให้ชิดโคนขนตา > ดัดขนตา > ปัดมาสคาร่า




7. เพื่อให้ตาดูมีความวิ้งวับขึ้น มิ้วใช้ Etude Look at My Eyes Jewel #PK009 ลงบนกึ่งกลางเปลือกตา และหัวตาค่ะ



8. ไปเขียนคิ้วกันค่ะ เมื่อเราเสียเวลากับการแต่งตาไปเยอะแล้ว มิ้วจะใช้แค่ดินสอเขียนคิ้วเพียงแท่งเดียวเพื่อไม่ให้ทุกอย่างเสียเวลาไปมากกว่านี้

  • เริ่มจากการวางโครงคิ้วให้ได้รูปตามที่ต้องการ แล้วจึงค่อย ๆ ระบายไปให้เต็มคิ้ว โดยพยายามเบามือเข้าไว้นะคะ คิ้วจะได้ไม่เข้มเกินไป หัวคิ้วควรจะจางกว่าหางคิ้วนะจ๊ะยูววว
  • เพื่อให้คิ้วเรียงเส้นสวยและดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ใช้ด้านที่เป็นแปรงปัดเนื้อดินสอส่วนเกินออกค่ะ (ใครที่เขียนคิ้วออกมาเข้มเกินไป ใช้มาสคาร่าคิ้วเพื่อปรับสีคิ้วได้นะคะ แต่มิ้วไม่ใช้ค่ะ กลัวเสียเวลา และอีกอย่างมิ้วก็ได้สีคิ้วที่พอดีตามที่ต้องการแล้วด้วย)




Lips & Cheek

มาถึงขั้นตอนของการคอนทัวร์ใบหน้ากันบ้าง ใครที่มั่นใจในรูปหน้าของตัวเองอยู่แล้ว จะข้ามขั้นตอนนี้ไปก็ได้นะคะ แต่มิ้วทำไม่ได้ T_T



อย่างน้อยขอคอนทัวร์เบาๆ  ตามกรอบหน้าก็ยังดี ที่สำคัญอย่าลืมไล้ดั้งด้วย แต่บริเวณดั้งน่ะขอให้เบามือกันหน่อยนะคะ จะได้ดูเป็นธรรมชาติ



ต่อมาก็คือการปัดแก้ม มิ้วไม่ใช้บลัชออนแบบฝุ่นค่ะ ขอใช้ไอเทมที่ให้ความแปลกใหม่และเร็วขึ้นหน่อยอย่าง Etude Play 101 Stick #12 ในการลงบริเวณพวงแก้ม ค่อย ๆ ลงทีละน้อย ๆ นะคะ ลงเยอะอาจจะทำให้แก้มแดงเกินไป จากนั้นก็เกลี่ยให้เนียนไปกับผิว ( ตอนแรกกลัวว่ามันจะเป็นเนื้อครีมหนา ๆ ทำให้หน้าดูเป็นคราบ แต่เปล่าเลยค่ะ มันกลายเป็นแป้งเนียนกับกับผิวอีกเช่นกัน)  

*ถ้าใครรู้สึกว่าหน้าดูแมตต์ไป สามารถลงไฮไลท์ตามได้นิดหน่อยบริเวณที่แสงตกกระทบตามใบหน้าค่ะ


สุดท้ายก็มาถึงขั้นตอนของการทาปาก มิ้วใช้ Etude Dear My Blooming Lips-Talk Chiffon #BE109 เป็นสีโปรดที่ Lily Maymac ใช้อยู่ค่ะ



ยังไม่พอแค่นี้ มิ้วอยากได้ความส้มขึ้นมาอีกนิดหน่อย เลยเพิ่ม Etude [Berry Delicious] Color Liquid Lips Juicy #OR208 ทาด้านในริมฝีปาก เจ้าลิปตัวนี้ไม่ได้เป็นทินต์ที่ทาแล้วรู้สึกแห้ง ๆ นะคะ นางมีเนื้อที่ออกจะฉ่ำ ๆ อยู่สักหน่อย




Finish Look!
แล้วเราก็ได้ลุคแต่งหน้าฉบับเร่งด่วน ไปเดทแบบได้ใจคุณแฟนกันแล้ว ( ที่ได้ใจน่ะ ไม่รู้ว่าสวยถูกใจแฟน หรือว่ารวดเร็วได้ใจ แฟนไม่ต้องรอนานกันแน่  55555)

เทียบกับตอนหน้าสดให้ดูอีกครั้ง

ห็นไหมล่ะ แค่คุชชั่นตัวเดียวนี่แหละ เปลี่ยนผิวให้สวยได้แบบนี้เลย ของเค้าดีจริง ๆ ชอบตรงที่เราไม่ต้องแต่งหน้าแบบประโคมอะไรให้หนาหนักมาก ตัวเดียวตลับเดียวเอาอยู่จริง ๆ เรียกว่าเป็นไอเทมที่รักเลยแหละ ราคาก็คุ้มกับคุณสมบัติที่เข้าบอกเอาไว้นะ เพียง 790 บาทเท่านั้น ใครสนใจก็ไปดูได้ที่ช็อปของ Etude House ชั้น 3 Centerpoint of Siam กันได้ค่ะ

เพิ่มเติมอีกนิดหน่อย หากใครอยากเติมหน้าระหว่างวัน สามารถใช้คุชชั่นตัวนี้เติมได้นะคะ แต่ถ้าหน้ามันก็ควรซับหน้าก่อน แล้วค่อยเติมคุชชั่นโดยเน้นการตบลงไปค่ะ

พร้อมไปเดทแล้ว ดูซิว่าถ่ายรูปออกมาจะเป็นยังไง!



ใครที่อยากแต่งหน้าได้เร็วขึ้นแต่ยังได้รับการปกปิด อยากให้ไปลองเจ้าคุชชั่นตัวนี้กันเลย เพราะนางตอบโจทย์ได้ดีมาก และมิ้วต้องขอบคุณ Etude House จริง ๆ ที่มอบโอกาสดี ๆ ให้มิ้วได้เป็น 1 ใน Pinknista เลยได้มีโอกาสได้ลองไอเทมดี ๆ แบบนี้ สุดท้ายนี้หวังว่าการรีวิวในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ชมทุกท่าน แล้วพบกันคราวหน้านะคะ บ๊ายบาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น